5 วิธีในการเอาชนะธุรกิจจีน

ในยุคที่ธุรกิจจีนครองเมือง ผู้ส่งออกหลายราย คงถอดใจออกจากธุรกิจ หนีการแข่งขันจากจีน บางรายก็ยอมปรับตัวเปลี่ยนแปลงไม่ให้ธุรกิจจีนเข้ามาแข่งขันมากเกินไป ผมเชื่อว่าต่อให้เราหนีคู่แข่งจากจีนมากยังไงก็หนีไม่พ้น

แต่เดี๋ยวก่อน!!! มันไม่ใช่ว่าพอจีนอยากทำอะไรแล้ว จะชนะเราไปซะทุกเรื่อง ถ้าเรามองว่าคนจีนเป็นยักษ์ เราก็มองตัวเราเป็นมด ยักษ์ใช้กำลังในการบดคู่แข่งเอาชนะ แต่มดใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันไป คนมองเห็นยักษ์แต่ไม่เคยมองเห็นมด (ถ้าตาไม่ดีมากพอ) ดังนั้น ในเมื่อจีนพยายามทำตัวเป็นยักษ์ ธุรกิจอย่างไทยเราก็ต้องทำตัวเป็นมด ผมไม่ได้บอกว่าให้เราลดสเกลในการแข่งขัน แต่เชื่อเถอะว่า สเกลธุรกิจของไทย ไม่ได้กระทบกับการมาของจีนมากเท่าไหร่

วันนี้ผมจะบอกจุดอ่อนของธุรกิจจีนและช่องทางในการเอาชนะหรือหาโอกาสทำธุรกิจ ทั้งที่เข้ามาแข่งขันในบ้านเรา หรือแม้กระทั่งออกไปต่างประเทศ มีอะไรบ้าง

1. คนจีนมองใหญ่ คนไทยมองเล็ก

ขึ้นชื่อว่าตัวเองมีประชากรเยอะที่สุดในโลก พื้นที่ก็กว้างใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก คงหลีกเลี่ยงการเป็นพี่ใหญ่ไม่ได้แน่นอน เปรียบเหมือนเพื่อนเราบางคนที่ตัวใหญ่ เค้าคงถูกสังคมหล่อหลอมและบังคับกลายๆ ว่า ฉันต้องไม่อ่อนแอ ต้องทำอะไรเก่งกว่าคนอื่น เหมือนไจแอ้นในการ์ตูนเรื่องโดราเอมอนนั่นแหละ

ในเมื่อจีนต้องใหญ่แล้ว เค้าจะไม่มองอะไรเล็กๆ การทำธุรกิจบางอย่างที่ดูยิ่งใหญ่ และเกี่ยวข้องกับคนมากๆ จะเป็นของคนจีน ยกตัวอย่างเช่น โรงงานผลิตมือถือ ลองคิดดูว่าประชากรทั่วโลก ถ้าไม่นับประเทศที่ยังไม่สงบ ประชากรเกือบ 7 พันล้านคนก็ต้องมีมือถืออย่างน้อยคนละหนึ่งเครื่อง แล้วประเทศไทย จะไปผลิตมือถือ 7 พันล้านเครื่อง ได้ยังไง แรงงานเราไม่พอแน่นอน เทคโนโลยีก็ไม่พอเช่นกัน หรือบางอย่างเช่น baidu.com ที่เป็น google ของจีน สาเหตุที่ google ทำตลาดได้ทั่วโลก เพราะมันเป็นธุรกิจสำหรับคนทั่วโลกใช้ แต่ของจีน baidu.com สามารถทำได้แม้แค่ในจีน เพราะประชากรของจีนก็พันล้านคน มีตลาด 1 ใน 7 ของโลกแล้ว

2. คนจีนชอบเอาชนะ คนไทยแพ้บ้างก็ได้

พื้นฐานโดยส่วนใหญ่คนจีนเป็นลูกคนเดียว เนื่องจากการปฏิวัติเรื่องประชากรของเค้า ห้ามมีลูกเกินหนึ่งคนซึ่งเป็นกฎที่ใช้เมื่อ 30 ปีก่อนขึ้นไป แม้ตอนนี้จะอนุญาตแล้ว แต่กว่าลูกคนเดียวจะหมดไปจากสังคมจีนคงใช้เวลาอย่างน้อยๆ หนึ่งชั่วอายุคน

การเป็นลูกคนเดียว (ไม่ใช่ทุกคน แต่เป็นส่วนใหญ่) จะเป็นคนที่ได้ทุกอย่างตามที่พ่อแม่สามารถประเคนให้ได้ นี่ทำให้เป็นนิสัยที่คนจีน อยากได้อะไรแล้วต้องได้ ซึ่งต่างจากคนไทยลิบลับ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ อยากได้อะไรแล้ว ก็ยังมีความรู้สึกว่าไม่เอาก็ได้ เราไม่ซีเรียส (ยกเว้นแย่งคนรักนะ ดูจากละครได้) การเอาแต่ใจนี้เอง ทำให้ชอบการเอาชนะคนอื่นตลอดเวลา ซึ่งมันจะสะท้อนมาถึงการทำธุรกิจ พื้นฐานแล้วคนจีนมักจะทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองรู้สึกว่าได้เปรียบคนอื่น แม้จะถือเรื่องความสัมพันธ์ทางธุรกิจมาอันดับหนึ่ง แต่ลึกๆ แล้วก็ยังอยากเอาชนะคนอื่นอยู่ดี

เราจะสังเกตว่าการหาเงินของคนจีนไม่เคยพอ มีเงินแล้วก็อยากมีมากขึ้นอีก ผมมองนี่เป็นข้อเสียและเป็นข้อดีนะครับ ข้อเสียคือไม่รู้ว่าต้องการเท่าไหร่ถึงจะพอ ส่วนข้อดีก็คือ ไม่เคยมีคำว่าหยุด ในการหาเงิน

แล้วคนไทยจะได้ประโยชน์ยังไงจากนิสัยอย่างนี้ พอดีคนไทยเป็นคนไม่ซีเรียสกับชีวิตมาก ไม่ต้องการแข่งขัน อะไรหยวนได้ก็หยวน จึงเหมาะกับการทำธุรกิจกับคนจีนมาก เพราะคนจีนจะคิดว่าสามารถเอาชนะคนไทยได้ตลอดเวลา ทั้งที่จริงแล้วไม่รู้หรอกว่าคนไทยก็มีเล่ห์เหลี่ยมไม่แพ้กันนะ เจ้าเล่ห์นะแต่ไม่แสดงออก และมันจะปรากฏออกมาเมื่อต้องเอาตัวรอด

3. คนจีนแข็งกร้าว คนไทยอ่อนน้อม

ข้อนี้สืบเนื่องจากข้อก่อนนี้ คนจีนนั้นจะเลือกอ่อนน้อมกับผู้ใหญ่กว่า มีอำนาจเหนือกว่า มีบุคลิกเกรี้ยวกราด เฉียบขาด และใช้ความพิเศษเหล่านี้ในการทำธุรกิจ ทำให้ทุกอย่างไปได้เร็ว แม่นยำ ในขณะที่คนไทยมีนิสัยอ่อนน้อม เราแคร์ความรู้สึกคนอื่นมากกว่า งานบริการจึงเป็นงานที่คนไทยไม่เคยแพ้ใครในโลก ไม่ใช่แค่ชนะคนจีนนะ ชนะทุกชาติในโลก

เราจะไม่เคยเห็นคนต่างชาติ เอาใจใส่เรื่องอาหารการกินที่หลับที่นอน เลี้ยงดูปูเสื่อเท่าคนไทย หากจะต้องทำ ก็ทำแบบตามมาตรฐานที่ถูกฝึกมา ทำแบบมีค่าตอบแทนเพิ่ม ไม่ได้ทำเพราะเต็มใจ ของอย่างนี้บังเอิญคนไทยโชคดีที่เรามีหัวใจการรักบริการอยู่ในสายเลือด ต่อให้คนที่ไม่ได้เป็นไทยแท้ แต่อยู่เมืองไทยมานานก็ซึมซับความเป็นไทยแบบนี้เช่นกัน

ข้อได้เปรียบนี้ทำให้ธุรกิจบางประเภท คนไทยสามารถทำได้ และทำได้ดีกว่าคนอื่น อย่างที่เรียนไปก็คือธุรกิจบริการ ในเมื่อเราผลิตสินค้าต้นทุนสู้เค้าไม่ได้ ทุนเราไม่หนา ก็ทำธุรกิจบริการมันซะเลย อย่านึกถึงแค่เรื่องร้านนวดกับทัวร์นะครับ ยังมีธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ร้านอาหาร ร้านตัดผม แต่เรายังพัฒนาไปไม่ถึงระดับที่จะทำให้มันเป็นสากลได้แค่นั้นเอง ร้านอาหารในไทยก็เริ่มตื่นตัว ขยายธุรกิจเหล่านี้ไปต่างประเทศมากขึ้น บางรายไปเปิดแฟรนไชส์แล้วก็มี แต่ร้านเสริมสวย ยังไม่เห็นนะครับ เข้าใจว่าเป็นธุรกิจที่อยากพึ่งพาความสามารถเจ้าของเป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วถ้าทำดีๆ จะสามารถขยายธุรกิจได้เช่นกัน

4. คนจีนจริงจังกับชีวิต คนไทยไม่เคยเครียดเลย

ผมเคยตั้งข้อสังเกตกับคนรอบข้างตั้งแต่เด็กๆ ว่า ถ้าเราไม่ทำงานเลย เราจะมีข้าวกินมั้ย ปรากฏว่าไม่เคยได้ยินมีใครเคยอดข้าวเลยนะครับ อย่างแย่ทีสุดก็คือ ถ้าคนๆ นั้นไม่มีข้าวกิน ก็ไปอาศัยวัดได้ หรือผ่านไปผ่านมาก็มีคนเอาข้าวมาให้ พอโตขึ้นมาผมจึงได้เข้าใจว่าที่เราไม่เคยอดข้าว เพราะประเทศเรามีอาหารอุดมสมบูรณ์เพียงพอและเหลือเฟือ การเกษตรเรารุ่งเรืองมาก เรียกว่าถ้าปิดประเทศ เราก็ไม่อดตายไปอีกหลายปี สาเหตุเหล่านี้เองทำให้คนไทยไม่ต้องดิ้นรน ไม่รู้จะต้องดิ้นรนไปทำไม

ในขณะทีคนจีน ไม่ใช่อย่างนั้น ประเทศจีนจริงแล้วสามารถปลูกข้าวได้มากกว่าประเทศไทย แต่คนจีนมีพันล้านคน กินในประเทศหมด ไม่พอด้วย จึงต้องนำเข้าข้าวจากไทยไปบริโภคอีก พอเห็นแบบนี้คงพอเดาได้ว่าสมัยก่อนคนจีนลำบากยากแค้นขนาดไหน นี่เป็นสิ่งที่ทำให้คนจีนต้องดิ้นรนกับชีวิต ต่อสู้เพื่อให้ตัวเองไม่อดตายนั่นเอง นึกๆ ไปแล้วเราคนไทยก็เหมือนเป็นลูกเศรษฐีนะครับ บรรพบุรุษเรามีมรดกให้เราอย่างมากมาย

5. ในจีนแข่งขันกันสูง ในไทยแข่งขันกันพอประมาณ

ท่านที่ทำธุรกิจอยู่ลองนึกเล่นๆ ว่า ธุรกิจของท่านมีคู่แข่งกี่ราย เอาเฉพาะคนไทยด้วยกัน หรือที่แข่งในไทย บางคนอาจจะไม่เคยนับเลยก็ได้ ผมลิสต์ง่ายๆ ละกันครับ เรามีคนทำธุรกิจในไทย ประมาณ 2 ล้านบริษัท ซึ่งมีแตกต่างกันตามอุตสาหกรรม หรือต่อให้สมมติว่าทุกคนในไทยเปิดธุรกิจ 1 บริษัท 1 คน เราก็จะมีคู่แข่ง 70 ล้านคน

แล้วถ้าเราไปเปิดธุรกิจในจีน แล้วใช้วิธีนับแบบเดียวกันล่ะครับ คู่แข่งเราคงมีแค่ประมาณพันล้านคนเท่านั้นเอง มีคนจีนหลายคนเคยพูดให้ผมฟังว่า ทำธุรกิจในไทย ออกแรงครึ่งเดียวของที่ทำในจีน เพราะในจีนแข่งขันกันสูงมาก ทุกคนใช้กลเม็ดต่างๆ นานา ออกมาเพื่อเอาชนะคู่แข่ง แต่ในขณะที่คนไทย วันนี้ไม่รีบ พรุ่งนี้ทำต่อก็ได้ เห็นมั้ยครับว่าเราแข่งกันคนละสนาม

เรื่องนี้ดีกับเรายังไง ถ้าเราเป็นผู้ส่งออก และตลาดเรามีแต่สินค้าไทยเท่านั้นที่เป็นคู่แข่ง นั่นหมายความว่า เรากำลังไปหาลูกค้า 7 พันล้านคน โดยมีคู่แข่งมากที่สุดแค่ 70 ล้านคน เท่านั้นเอง เห็นมั้ยครับว่าการส่งออกน่าทำขนาดไหน

ท่านจะสังเกตว่าผมไม่ได้พูดถึงราคาหรือต้นทุนการผลิตของจีนที่ต่ำกว่าไทยเท่าไรนัก เพราะมันมีหลายๆ ธุรกิจที่ไม่ได้แข่งกันที่ต้นทุนแล้ว

เมื่ออ่านจบแล้ว ขอให้ทุกท่านมีกำลังใจในการเดินหน้าต่อไปนะครับ

สนใจเรียนนำเข้าส่งออก คลิกที่นี่

บทความเกี่ยวข้อง

Leave a Comment